[CS] 1. เที่ยวเล่นนอนบ้านคนท้องถิ่นฟรีๆแบบ Couchsurfing

หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้จักการเที่ยวในแบบที่เรียกว่า Couchsurfing ซึ่งเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่โดยส่วนตัวแล้วชื่นชอบมาก

อธิบายก่อนว่า couchsurfing มาจาก คำว่า couch + surfing (ง่ายมะ 555+) couch ก็แปลง่ายๆว่าโซฟานี่แหละ ส่วน surfing ให้คิดในเหมือนกับในคำว่า internet surfing ก็ได้ ไม่ค่อยถนัดด้านภาษาอ่ะนะ แต่มันน่าจะมาจากการเล่นคำและความหมายของคำว่า surfing โดยรวมๆ Couchsurrfing คือการไป นอนเล่นโซฟาบ้านคนอื่น นี่เอง

• เอ๊ะ! แล้ว Couchsurfing นี่มันเป็นยังไงกันแน่ ? ~ ง่ายๆเลยก็คือการที่เราไปเที่ยวที่ไหนแล้วนอนกับคนท้องถิ่น หรือคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นเลย ไม่ได้ไปนอนตาม โรงแรม หรือ hostel

• แล้วมันดีกว่าไปนอนhotelหรือhostelยังไง ~ อย่างแรกเลยคือนอนโรงแรมแพง! รู้สึกว่าตั้งแต่ที่มานี่ได้ปีนึงนอนโรงแรมไปสองรอบ รอบแรกตอนมาวันแรกที่Paris เพราะตอนนั้นยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่ค่อยได้เตรียมตัวละก็ของเยอะกลัวหายเยจองโรงแรมห้องเล็กๆมากๆนอน อีกครั้งตอนไปVeniceคืนที่สอง (คือคืนแรกนอนที่ไหนยังไงแล้วติดตามกันต่อไป รับรองมันส์มากก!) เพราะเหน็ดเหนื่อยจากคืนแรกและฝนก็ตกหนักทั้งวัน เลยหาโรงแรม 1 ดาวนอน เพราะราคาเท่า hostel ที่เราหาไม่เจอ กลับมาต่อเรื่องCuchsurfingก่อน!! ถึงแม้ว่าจะไปนอน hostel ซึ่งแน่นอนราคาจะถูกกว่า hotel แต่บางเมืองก็หาจองยาก(ช่วงเทศกาล) บางเมืองที่ถูกๆก็ location ไม่ดี ที่ดีๆก็ไม่ถูก ที่ถูกๆดันไม่มีข้าวกินฟรี ที่มีก็หาไม่เจอ เอ๊ากันไปใหญ่ แต่ยังไงๆก็คือเราต้องจ่ายเงินอยู่ดี  อีกทั้งเราก็ยังต้องไปเที่ยวหรือหาที่เที่ยวเองตามอัตภาพ หรือว่าถาม reception, information center, ถามคนที่นอนเตียงด้านบน ด้านล่าง เอาว่าไปไหนมาแล้วบ้างดียังไง (ก็เป็นความสนุกอีกแบบหนึ่ง) หรือไม่ก็รอไป walking tour ซึ่งฟรีหรือไม่ฟรีก็ตามแต่สถานที่ แต่ถ้าเรามานอนแบบ Couchsurfing แน่นอนว่าคนที่อยูู่เค้าเป็นคนพื้นที่ พบตัวง่าย ทำงานจริง (เย้ย!ไม่ใช่หาเสียง :p) หรือไม่ก็เป็นคนที่มาอยู่เมืองนี้ในระดับหนึ่ง เราก็จะได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไป ที่ๆงั้นๆไม่มีไรมาก ที่กินถูกๆ ที่ไหนอันตราย ที่ไหนปลอดภัย เบียร์ซื้อที่ไหนถูก ของท้องถิ่นที่ต้องกิน ร้านอาหารประจำถิ่น(ซึ่งอาจจะใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้ หรือไม่มีเมนูเลยทีเดียว) อาหารขึ้นชื่อ คนแถวนี้กินข้าว(หรืออาจเป็นขนมปัง)กันยังไง ไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ยังไง ซึ่งของบางอย่างพวกนี้คนตาม tourist information อาจจะบอกเราไม่ได้เนื่องจากตามหน้าที่แล้วไม่สามารถแนะนำร้านเฉพาะเจาะจงหรือcomment สถานที่เที่ยวได้มากนัก ก็มักจะแนะนำที่ท่องเที่ยวดังๆโดยไม่ได้บอกว่ามันน่าไปหรือไม่อย่างไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแย่ไปกว่านอนhostelเสมอไป เพราะบางที่ถ้า hostel มีโปรโมชั่นดีๆ็น่าสนใจเช่น นอนสองคืนไปทัวร์ฟรี  (เช่นที่Belfast ราคาห้องสองคืน 8+8pound ได้ไป Daytrip ต่างเมืองราคา 18 pound ฟรี) หรือบางที่ location ใกล้กับสถานีรถไฟมากๆ แล้วราคาถูก มีข้าวเช้าฟรี (ให้แอบเก็บสะสมไว้เป็นข้าวเที่ยวได้อีกด้วย อิอิ) แล้วของเยอะขี้เกียจเดิน อะไรอย่างงี้เป็นต้น

• แล้วเราเสียเงินค่าอยู่แบบ Couchsurfing กับเค้าเท่าไหร่? ยังไง? ~ ฟรี!!! ทุกอย่างฟรี! ยอมรับว่าจั่วหัวว่านอนฟรีเป็นการหลอกล่อให้เข้ามาอ่าน ให้น่าสนใจ (ไม่งั้นจะยอมมาอ่านถึงบรรทัดนี้มั๊ยหละ 555) แล้วจริงๆมันก็ฟรีนะ แต่ก็ไม่อยากให้คิดว่า “เฮ้ยมาอยู่แบบ Couchsurfing ดีกว่าหวะ ฟรี ไปเสียตังให้ hostel ทำไม” ด้วยเหตุผลนี้เพียงอย่างเดียว ยอมรับอีกว่าครั้งแรกที่รู้จักและสมัครเข้ากับ Couchsurfing ก็เนื่องมาจากความคิดที่จะอยู่ฟรีเพียงอย่างเดียวนี่แหละ แต่หลังจากที่ได้เริ่มรับคนมานอนบ้านบ้าง ไปนอนบ้านเค้าบ้าง ก็ทำให้ความคิดเราเปลี่ยนไปเยอะ เพราะรู้สึกว่า Couchsurfing นี่มันได้อะไรมากกว่าการเป็นเครื่องมือหาที่นอนฟรีนะ

• แล้วมันมีอะไรดีหรือได้อะไรมากไปกว่าการมีที่นอนฟรีอีกมั่ง? ~ อย่างแรกเลยคือเราจะรู้จักคนในโลกนี้เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยคนนึง (อย่างมากก็หลายๆคนตามแต่จังหวะและโอกาส) อย่างเช่นครั้งนึงเคยไปนอนแบบ Couchsurfing ที่เมือง Valencia, Spain เจ้าของห้องเป็นคนฝรั่งเศสที่มาเที่ยวมาเรียนที่เมืองนั่น แล้วพอตกดึกคืนแรกเค้าก็มีจัด party ของคน Couchsurfing ที่อยู่ในเมือง Valencia พอดี เลยได้มีโอกาสพูดคุย เฮฮา สังสรรค์ Mojito Party กันไปอย่างสนุกสนาน 🙂 รู้จักคนเพิ่มขึ้นอีกมากมายทั้งเป็นคนท้องถิ่นสเปน และ คนชาติอื่นๆที่มาอยู่เมืองนั่น ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตเราอาจจะไปตก ระกำลำบากในประเทศหนึ่งหรือเมืองหนึ่งๆด้วยเหตุสุดวิสัย หรืออะไรก็แล้วแต่ (ตกเครื่อง, flight cancel, ภูเขาไประเบิด, ก่อการร้าย, ตกงาน, หรือแม้กระทั่งไปเที่ยวเฉยๆ) แต่โชคดีที่มีเพื่อนหรือคนที่เรารู้จักอยู่พอดีก็ได้ (อย่างเช่นที่เรามีประสบการณ์มาหลายครั้งหลายคราว แต่ถ้าจะเล่าในนี้มันจะยืดเยื้อนอกเรื่องไม่จบไม่สิ้น เอาไว้รอบหลังละกัน) การทำให้เรามีเพื่อนเพิ่มขึ้นเลยเป็นเหตุผลที่ดีข้อหนึ่งของการใช้บริการ Couchsurfing อีกอย่างหนึ่งที่เราจะได้ตามมาคือเราจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมไปของคนท้องถิ่นนั้นๆ หรือ คนชาตินั้นๆไปในตัว ซึ่งเป็นการเรียนรู้วัฒนธรรมที่เราคิดว่าดีที่สุด ถึงแม้ว่าบางคนอาจเถียงว่าบางสิ่งบางอย่างอาจไม่ใช่วัฒนธรรม หรือ เราอาจไม่ได้แนวคิดที่เป็นตัวแทนของคนสังคมนั้นๆได้จากคนๆเดียวก็ตาม แต่เราก็ถือว่ายังไงก็แล้วแต่ การเรียนรู้วัฒนธรรมจากคนท้องถิ่นโดยประสบการณ์ตรง ก็น่าสนุก น่าเรียนรู้และได้มีประสบการณ์จริงด้วยตัวเอง มันดีกว่าไปหาหนังสืออ่านเป็นไหนๆ นอกจากนั้นก็จะเป็นข้อดีที่ได้พูดไปแล้วบ้างพวกที่รู้ข้อมูลที่เที่ยว แหล่งต่างๆ รวมถึงบางทีอาจจะมีคนนำเที่ยวเลยก็ได้ (ไปมาหลายๆที่คนที่รับเราไปอยู่ก็จะพาเราขับรถเที่ยวเลยนะ 🙂 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าหรือเราเวลารับคนมาอยู่ด้วยจะจำเป็นต้องพาเที่ยวเสมอไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ความเหมาะสม และความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย

• ปกติไปอยู่กับเค้า หรือ รับคนเข้ามาอยู่ต้องต้องรับขับสู้กันขนาดไหน? ~ เรื่องนี้ไม่ต้องซีเรียสเลย ปกติเวลาเค้ามาอยู่กะเราเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรเป็นพิเศษ และไม่มีใครบังคับให้เราต้องเลี้ยงดูปูเสื่อให้ด้วยแค่หาที่นอนให้ก็แค่นั้นและเค้าก็คาดหวังเพียงแต่ที่นอนด้วย แต่บางครั้งบางคราวก็อาจจะมีอะไรพิเศษตามแต่ความพึงพอใจของเรา หรือตามแต่อารมณ์ตอนนั้นก็ได้ อย่างเช่นปกติคนมาบ้านเรา เรากะเพื่อนๆก็จะนั่งคุยๆกันซักพัก ถ้าว่างอยู่ช่วงนั้นก็อาจจะมี party เล็กบ้าง ใหญ่บ้างกันตามวิสัย บางคนมาตรงจังหวะก็ได้กินอาหารไทยฟรีไป บางคนมาตรงจังหวะก็ได้ party กันไป หรือพาไป club ซึ่งมีคนอื่นชวนเราไปอยู่แล้ว หรือไปดูบอล ไปเดินเล่นในเมือง ไปหาร้านอาหารกิน ตามแต่สถานการณ์ ถามว่าเราต้องเลี้ยงเค้าไหม? อันนี้บอกเลยว่าไม่ต้อง! และไม่จำเป็นด้วย ไม่งั้นก็จะกลายเป็นว่าเราต้องแบกภาระส่วนนี้ไป มันไม่ใช่ concept ของ Couchsurfing แล้ว เหตุผลอย่างแรกคือเค้าก็มีความเป็นสากลและก็เกรงใจ (และเราก็ควรมีเวลาไปอยู่กับคนอื่นเค้า) อยู่พอสมควรปกติแล้วหากเราชวนไปร้านอาหาร ถ้าเค้าโอเคกับระดับราคาที่จะไป ก็จ่ายใครจ่ายมันอยู่แล้ว หรือบางทีถ้ามากินข้าวที่เราทำเองที่บ้าน บางทีเค้าก็จะออกไปหาซื้อเครื่องดื่มมาแชร์ บางทีเค้าก็ซื้ออาหารมาทำให้วันต่อไปถ้าเค้าอยู่นานหลายวัน บางทีเค้าก็มาช่วย หรือบางทีเค้าก็ไม่ทำอะไรเลยก็มี จึงแล้วแต่ว่าถ้าเราพึงพอใจที่จะเลี้ยงหรือทำอะไรเราก็ทำไม่มีคนบังคับเรา บางคนเค้าก็มีของมาฝากเราจากประเทศเค้า (ได้เหล้า relaxing liquor จาก Slovania ด้วยขวดนึง อิอิ)  แล้วตอนนี้เวลาเราไปอยู่กะเค้าเราก็พอมี idea บ้างแล้วใช่มะว่าเราควรจะต้องทำตัวยังไง “ความเกรงใจยังเป็นสมบัติของผู้ดีอยู่เสมอ” เราอาจไม่จำเป็นต้องมีของติดไม้ติดมือไปฝากเค้าก็ได้ แต่เราก็ควรเป็นคนที่อย่างน้อยไม่สร้างปัญหาให้กับเค้า เช่น เรื่องมาก นอนไม่ได้ อยากได้นู้น อยากได้นี่ บอกให้เค้าพาไปนู้นนี่ โดยที่เค้าไม่ได้เสนอตัวที่จะพาไป ไปอยู่กับเค้าแบบโรงแรมฟรี คือไม่พูดคุยกันเลย เช้าไปเที่ยวเย็นกลับมานอน ซึ่งมันก็เป็นการกระทำที่เค้าไม่ได้คาดหวังที่จะได้จากคนที่มาอยู่ เพราะเค้าก็คาดหวังที่จะได้ เพื่อน ประสบการณ์ใหม่ๆ จากเราเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอันไหนใช้วัฒนธรรมไทยที่ดีได้ก็สมควรใช้ อันไหนควรคิดแบบฝรั่งก็ควรคิด คิดว่าทุกๆคนคงมีวิจารณญาณในเรื่องนี้ และก็ไม่ทำให้เค้าคิดด่าคนไทยลับหลังได้

สุดท้ายนี้ เพื่อไม่ให้บทความอันนี้ยาวเกินไป จะขอจบด้วยภาพหนึ่งในประสบการณ์ Couchsurfing ที่ประทับใจที่สุดของผู้เขียนที่Malta เป็นการไป Boogie night party ยุค ’70 กับ host ของ Couchsurfing ประทับใจขนาดไหนดูจากภาพก็คงจะจินตนาการออก ส่วนรายละเอียดขอยกยอดไปยังครั้งหน้าที่จะมาพูดถึงเรื่องประสบการณ์ที่เคยไปมา, การเริ่มต้นใช้Couchsurfing, และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการเลือกไปอยู่หรือรับคนมาอยู่กับเราให้ได้ความประทับใจและคุ้มค่าที่สุด ส่วนใครมีคำถามหรือข้อสงสัยอะไรให้ Post ทิ้งไว้ได้เลยนะครับจะมาไขข้อข้อใจในเร็วพลัน 🙂

AMORNTARtraveller ^_^)/